หากคุณถือว่าตัวเองเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ และสามารถทำนายแนวโน้มได้ดี หรือเป็นผู้ถือหุ้นที่ต้องการขยายตัวจากการเป็นเจ้าของหุ้นธรรมดา คุณอาจสนุกกับตัวเลือกการซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน นั่นคือการซื้อขายหุ้นแบบสัญญาส่วนต่าง(CFD)
CFD นั้นเปิดโอกาสพิเศษในการซื้อขายโดยการทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดโดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์อ้างอิง
เนื่องจากหุ้น CFD อาจเป็นที่เปรียบทั้งเป็นประเภทของ CFD และเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นธรรมดา คุณอาจอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น CFD คืออะไร วิธีการเทรดหุ้น CFD แตกต่างจากหุ้นธรรมดาอย่างไร ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับหุ้น CFD และวิธีการซื้อขายหุ้น CFD
ประเด็นสำคัญ
- CFD หุ้น (Contracts for Difference) เป็นอนุพันธ์ทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นแต่ละตัวโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ทำให้เกิดผลกำไรจากราคาหุ้นทั้งขาขึ้นและขาลง
- CFD หุ้นทำงานโดยสะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นอ้างอิง ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นจริง
- CFD หุ้นมีข้อดีหลายประการ เช่น ความสามารถในการซื้อหรือขาย และความยืดหยุ่นในการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น
หุ้น CFD ทำงานอย่างไร?
CFD คือสัญญาทางการเงินระหว่างนักลงทุนและโบรกเกอร์ซึ่งอนุญาต ให้มีการซื้อขายสัญญาความแตกต่างระหว่างมูลค่าตลาดของสินทรัพย์อ้างอิงทั้งมูลค่าตอนเปิดสัญญา และตอนปิดสัญญา ดังนั้นสินทรัพย์อ้างอิงในกรณีที่ CFD คือหุ้น หากคุณไม่ได้ซื้อหรือถือหุ้นใดๆ คุณจะสามารถซื้อขายตามความผันผวนของมูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้นๆได้
หุ้น CFD ให้โอกาสแก่นักซื้อขายในการเข้าถึง และทำนายการเคลื่อนไหวของหุ้นสำหรับบริษัทต่างๆทั่วโลก บนตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ เมื่อคุณเปิดตำแหน่งในหุ้น CFD คุณมีโอกาสที่จะทำนายว่าหุ้นจะมีประสิทธิภาพอย่างไรในตลาดหลักทรัพย์
หากตลาดหลักทรัพย์สอดคล้องกับการทำนายของคุณไม่ว่าจะเป็นการทำนายที่เป็นไปในทิศทางที่ดีหรือหรือการทำนายทิศทางที่ไม่ดี คุณก็สามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตามหากตลาดหลักทรัพย์ไม่เกิดตามการทำนายของคุณ คุณจะต้องยอมรับผลจากการขาดทุน
หุ้น CFD และหุ้นธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างสำคัญระหว่างหุ้นปกติและหุ้น CFD คือ หุ้น CFD เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการอ้างอิงสินทรัพย์ ในกรณีนี้คือหุ้นธรรมดาเอง
หุ้นเป็นเครื่องมือการเงินที่แสดงถึงส่วนแบ่งของการเป็นเจ้าของในบริษัท หุ้นมีการเคลื่อนไหวบนตลาดหลักทรัพย์ขึ้นอยู่กับบริษัทและอุตสาหกรรมที่พวกเขานำเสนอ ตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรวมถึง Dow Jones Industrial, NASDAQ และ Dax
ในทำนองเดียวกัน ผู้ถือหุ้นสามารถทำกำไรหรือขาดทุนจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้ เนื่องจากหุ้นมีการเปลี่ยนค่าเมื่อเวลาผ่านไป มีวิธีสองวิธีในการทำกำไรเมื่อซื้อหุ้น คือเมื่อราคาของหุ้นสูงกว่าราคาที่ซื้อและเมื่อคุณได้รับเงินปันผลเพียงพอที่จะครอบคลุมต้นทุนของคุณ
ในทางกลับกันคุณสามารถใช้หุ้น CFD เพื่อพิสูจน์การเปลี่ยนแปลงในราคาของหุ้นโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นโดยตรง อย่างไรก็ตามคุณจะต้องสละสิทธิประโยชน์บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของหุ้น เช่น สิทธิในข้อมูลของบริษัทและสิทธิในการลงคะแนนเสียง และนี่คือความแตกต่างอื่น ๆ ระหว่างหุ้นธรรมดาและหุ้น CFD
การ Leverage
เนื่องจากนี่เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง จึงมีค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายประเภทนี้ อัตราการค้ำประกันทางการเงินโดยทั่วไปคือเปอร์เซ็นต์ (1% ถึง 50%) ของมูลค่าตำแหน่งรวม
แม้ว่าจะมีค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง การซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์อ้างอิงยังอนุญาตให้คุณซื้อขายหุ้นอ้างอิงได้ในกรณีที่คุณอาจจะไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะซื้อจำนวนหุ้นเดียวกันในบริษัท
หุ้น CFD อาจเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นที่นิยมมากกว่าการเป็นเจ้าของและซื้อขายหุ้นอ้างอิง เนื่องจาก CFD หุ้นซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าคุณจะไม่มีเงินทุนสำหรับตำแหน่งขนาดใหญ่ คุณก็ยังสามารถทำได้โดยการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น
การขายหุ้นโดยเก็งกำไรจากการตกลงราคา
ความแตกต่างที่สำคัญอีกอย่างคือความสะดวกที่คุณสามารถเข้ามาลงทุนในการขายหุ้นโดยเก็งกำไรได้ง่ายดายกับหุ้น CFD กับหุ้นธรรมดา การขายหุ้นโดยเก็งกำไรในหุ้นธรรมดาเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎเกณฑ์หลายรายการ ในขณะที่ในหุ้น CFD จะมีข้อจำกัดน้อยมาก (ยกเว้นบางประเภทของหุ้นที่ไม่สามารถขายโดยเก็งกำไรได้)
กระบวนการนั้นง่ายมากบนแพลตฟอร์ม CFD ตัวอย่างเช่นคุณเพียงแค่ต้องกำหนดว่าคุณต้องการเปิดตำแหน่งขายโดยเก็งกำไร (ทำนายในทิศทางบวก) หรือตำแหน่งซื้อโดยเก็งกำไร (ทำนายในทิศทางลบ)
การเข้าถึงสินทรัพย์ทั่วโลก
สุดท้ายหุ้น CFD มีข้อดีที่เห็นได้ชัดกว่าหุ้นปกติ เนื่องจากเราสามารถเข้าถึงตัวเลือกตลาดจากทั่วโลก แทนที่จะจำกัดอยู่เพียงประเทศเดียวหรือไม่กี่ประเทศ ในทำนองเดียวกัน หากเราเป็นเจ้าของหุ้นจากประเทศอื่น อาจมีค่าใช้จ่ายสูงในการรับรองความปลอดภัยและความมั่นคงของหลักทรัพย์เหล่านั้น
การเข้าถึงและเปิดตำแหน่ง CFD ของหุ้นทั่วโลกอย่างปลอดภัยนั้นทำได้ง่ายและราคาไม่แพงจึงค่อนข้างคุ้มค่าที่จะจ่าย
ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหุ้น CFD คืออะไร?
มีค่าใช้จ่ายบางรายการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย CFD ทั้งหมด อย่างไรก็ตามอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับหุ้น CFD บางรายการด้วย ในการซื้อขาย CFD ทั่วไป คุณจะต้องชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น ค่าเปิดบัญชีครั้งเดียวหรือค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานต่อเนื่อง
- Account Charges: เมื่อคุณเปิด CFD บางครั้งคุณอาจเก็บตำแหน่งของคุณเปิดไว้เป็นเวลานานเนื่องจากคุณอาจทำนายแนวโน้มระยะกลางสำหรับการซื้อขายของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาหรือค่าธรรมเนียมการค้าตลอดคืนสำหรับการเก็บความตกลงของคุณทุกวัน ส่วนค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจเป็นจำนวนบวกหรือลบก็ได้
- Transaction Costs: บางโบรกเกอร์อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์สำหรับการฝากหรือถอนเงิน
- Margin Rates: หากคุณเปิดตำแหน่งโดยใช้การเลเวอเรจ คุณจะต้องชำระเป็นเปอร์เซ็นต์ (1% ถึง 50%) ของมูลค่าตำแหน่งรวม
- Spreads: เมื่อนักลงทุนเปิดตำแหน่ง CFD ซึ่งเป็นธุรกรรมการซื้อขาย CFD จะมีราคาเสนอซื้อ (สำหรับการทำนายแนวโน้มตลาดลง) และราคาเสนอขาย (สำหรับการทำนายแนวโน้มตลาดขึ้น) การกระจายคือความแตกต่างระหว่างจำนวนสองราคานี้
- Commissions: เมื่อคุณเปิดตำแหน่งในหุ้นหรือหุ้น CFD โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นบนจำนวนเงินที่คุณลงทุน
- Taxes: คุณอาจต้องชำระภาษีกำไรจากการขายหุ้นหากคุณได้รับกำไรเกินจำนวนที่กำหนดหรือภาษีองค์กรหากคุณซื้อขายหุ้น CFD ในฐานะนิติบุคคล
วิธีการซื้อขายหุ้น CFD
ตอนนี้เมือเราเข้าใจการทำงานของหุ้น CFD ได้ดียิ่งขึ้นแล้ว เรายังต้องเรียนรู้วิธีการซื้อขายหุ้น CFD อีกด้วย มีสามส่วนหลักในการซื้อขาย CFD และยังมีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับหุ้น CFD เฉพาะด้วย การเปิดตำแหน่งการซื้อขาย การตรวจสอบตำแหน่ง และปิดตำแหน่ง
เริ่มต้นการซื้อขาย (การเปิดตำแหน่ง : Opening A Position)
เมื่อคุณเริ่มต้นการซื้อขาย คุณจะต้องวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในเวลาที่กำหนดไว้ การวิเคราะห์แนวโน้มที่เป็นทางบวกหรือสูงขึ้นในตลาดเรียกว่า ‘เปิดตำแหน่งในทิศทางของการขาย’ (การซื้อ) และเมื่อคุณทำนายแนวโน้มที่ตกลงมา (การขาย) เรียกว่า ‘เปิดตำแหน่งในทิศทางของการซื้อ’ (การขาย)
การวิเคราะห์เหล่านี้อาจมาจากความรู้เกี่ยวกับบริษัทหรือตลาดหลักทรัพย์ในเครือข่ายนั้นๆ และอาจมาจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ตัวอย่างเช่น นักลงทุนหลายคนจะใช้ตำแหน่งระยะยาววิเคราะห์ภาพรวมของตลาดในอนาคตของเศรษฐกิจจะเป็นไปในแง่บวก
ปัจจัยอีกอย่างที่สำคัญในขั้นตอนนี้ของการลงทุนคือขนาดการซื้อขายของคุณ หากคุณกำลังเปิดตำแหน่งในหุ้น การวิเราะห์สำหรับหุ้น 200 หุ้นอาจเรียกว่าตำแหน่งที่มี 200 สัญญา ปริมาณของหุ้น CFD จะเพิ่มกำไรของคุณเมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามก็ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในการขาดทุน หากมีการเคลื่อนไหวของราคาตรงข้ามกับทิศทางที่คุณต้องการ ในกรณีนี้จะเป็นค่าสูญเสียคือค่าความต่างที่เกิดขึ้น คูณด้วยจำนวน 200
การตรวจสอบตำแหน่ง (Monitoring A Position)
ในฐานะนักลงทุน เราควรที่จะเฝ้าดูการเคลื่อนไหวขอราคา เนื่องจากตลาดอาจมีความผันผวนสูง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะตรวจสอบกำไรหรือขาดทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีนี้เราจะรู้ว่าเมื่อใหร่ที่เราควรเ้าทำการซื้อเพิ่มหรือขายเพิ่ม หรือปิดตำแหน่งที่มีอยู่หากขาดทุน
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถปิดหรือเปิดตำแหน่งการซื้อขายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็มีวิธีที่เราสามารถที่จะตั้งจุดกำไรหรือขาดทุนได้เช่นกัน เพื่อที่เราจะได้ไม่ขาดทุนเกินเกณฑ์ที่เรากำหนด หรือเป็นจุดกลับตัวที่เราอาจจะทำกำไรได้แล้ว แต่ถึงจุดกลับตัวพอดี เมื่อเราวิเคราะห์แล้วเราก็สามารถตั้งจุดทำกำไรตามเราที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วนั่นเอง
ปิดตำแหน่งซื้อขาย(Closing A Position)
เมื่อเราทำการปิดตำแหน่งการซื้อขายแล้ว ขนาดของการซื้อขายและตำแหน่งซื้อขาย การเลเวอเรจของเราจะถูกนำเอาไปพิจารณาเมื่อคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุดท้ายของคุณ และยังมีค่าทำเนียมหรือค่าสเปรดอื่นๆที่อาจจะถูกนำมาคำนวณด้วย
เริ่มต้นทำกำไรไปกับหุ้น CFD
ตอนนี้เมื่อเรามีความเข้าใจเพียงพอเกี่ยวกับหุ้น CFD เราสามารถนำความเข้าใจของเราในแนวโน้มตลาดและการเคลื่อนไหวของหุ้นมาใช้ในการวิเคราะห์โอกาสการซื้อขายเพื่อทำกำไรในตลาด CFD นี้ได้ เราสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือต่างๆที่มีอยู่ได้ โดยอย่าลืมคำนึงถึงการเลือกบริษัทและอุตสาหกรรมที่เราเข้าใจและสามารถวิเคราะห์ได้ อีกทั้ง เรายังสามารถใช้ความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะและค่าธรรมเนียมของหุ้น CFD เพื่อประโยชน์ของคุณในการเปิดตำแหน่งการซื้อขาย
ควรจำไว้เสมอว่าการซื้อขายหุ้น CFD เป็นโอกาสในการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีโอกาสทั้งในการทำกำไรและขาดทุน นี่เป็นเช่นเดียวกับหุ้น CFD เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้การเลเวอเรจ สำคัญที่จะซื้อขายอย่างระมัดระวังและพัฒนากลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น