นเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน โดยล่าสุดหุ้น NVDA ร่วงลงเกือบ 17% ในหนึ่งวัน แน่นอนว่าสาเหตุมาจากความนิยมของ DeepSeek ซึ่งเป็นโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์จากจีนที่ทำให้ความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของชาติตะวันตกสั่นคลอน [1]
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความน่าสนใจของหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะเจาะลึกลงไป สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับภูมิหลังของหุ้นเหล่านี้ ตลอดจนแนวโน้มปัจจุบันและอนาคตของหุ้นเหล่านี้เสียก่อน
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์คืออะไร? [2]
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ คือหุ้นของบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายชิปเซมิคอนดักเตอร์ ชิปดังกล่าวถือเป็นส่วนประกอบที่มีมูลค่าสูงที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางและมีคสามต้องการสูง
เซมิคอนดักเตอร์เป็นวัสดุที่สามารถนำกระแสไฟฟ้าได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางประการเท่านั้น และถูกใช้ในอุปกรณ์สมัยใหม่แทบทุกชนิดที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าว ตู้เย็น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน เซมิคอนดักเตอร์มีบทบาทสำคัญในการทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นทำงานและใช้งานได้ตามจุดประสงค์
ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันนั้นถือเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า โดยคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่มีชิปขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ แต่สามารถประมาลผลได้เป็นพันล้านรายการต่อวินาที [3] และกำลังถูกพัฒนาให้ชิปมีขนาดเล็กลง มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น ประหยัดพื้นที่ และใช้พลังงานน้อยลง
AI เป็นหนึ่งในการใช้งานหลักของเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน AI ต้องการพลังประมาลผลมหาศาล ดังนั้นชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้
ปัจจุบัน บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น Nvidia, Taiwan Semiconductor Manufacturing Company และ Broadcom
บริษัทเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในการใช้เทคนิค สภาพแวดล้อม และอุปกรณ์ที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและแม่นยำสูง ซึ่งเป็นที่ต้องการในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของพวกเขาทำให้เกิดข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ
เหตุใดจึงต้องซื้อขายหุ้นเซมิคอนดักเตอร์?
กุญแจสำคัญของเศรษฐกิจโลก [4]
เนื่องจากความสำคัญของเซมิคอนดักเตอร์ หุ้นกลุ่มนี้จึงมีบทบาทหลักในเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าภาคดิจิทัลซึ่งมีเซมิคอนดักเตอร์เป็นฐานจะมีมูลค่าถึง 16.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และครองส่วนแบ่ง 17% ของ GDP ทั่วโลกภายในปี 2571
การเติบโตนี้เปิดโอกาสให้กับนักลงทุนและเทรดเดอร์ที่จะได้รับประโยชน์จากการพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นส่วนสำคัญของการปฏิวัติ AI
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นส่วนสำคัญของการปฏิวัติ AI เนื่องจากความสามารถและปริมาณของเซมิคอนดักเตอร์เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการพัฒนา AI
แม้อุตสาหกรรม AI จะมีศักยภาพสูง แต่ยังถือว่าเป็นอุตสาหกรรมใหม่และมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น การซื้อขายหุ้นเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงอุตสาหกรรม AI ที่กำลังเติบโตได้ ในขณะเดียวกันก็ยังคงกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาคอุตสาหกรรมนี้
มีความสัมพันธ์ต่ำกับตลาดโดยรวม [5]
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์มีความเป็นวัฏจักรสูง โดยได้รับอิทธิพลจากรอบของอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งทำให้หุ้นเซมิคอนดักเตอร์มีความสัมพันธ์ต่ำกับตลาดโดยรวม ส่งผลให้เทรดเดอร์สามารถหาจังหวะทำกำไรจากรอบวัฏจักรได้
นอกจากนี้ ลักษณะเป็นวงจรของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สามารถกำหนดเวลาการวางกลยุทธ์ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหมาะกับไทม์ไลน์และกลยุทธ์ที่หลากหลาย
สุดท้าย หุ้นเซมิคอนดักเตอร์เหมาะกับกลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลาย ตั้งแต่การลงทุนในระยะยาว ที่มุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรม ไปจนถึงกลยุทธ์ระยะสั้นที่เน้นแนวโน้มตามวัฏจักรของตลาด
นอกจากนี้ หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ยังถือเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงที่สุด ซึ่งหมายความว่ามีสภาพคล่องสูงเพื่อรองรับกลยุทธ์ที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
บริษัท Nvidia (NVDA) [6,7]
Nvidia Corp เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2536 แม้ว่าบริษัทจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แต่บริษัทก็เติบโตจนกลายเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมการ์ดจอสำหรับเกมคอมพิวเตอร์ ความเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลกราฟิกนี้นำไปสู่การค้นพบที่สำคัญในปี 2549 ว่าหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สามารถใช้สำหรับการประมวลผลที่ต้องใช้พลังงานสูงได้ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU แบบดั้งเดิม
สิ่งนี้ทำให้บริษัทต้องหันไปวิจัยและพัฒนาชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในอีก 20 ปีต่อมา ในปี 2566 การเปิดตัวของ OpenAI ได้สร้างความตะลึงให้กับโลกอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดเงินลงทุนจาก Microsoft ได้ถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อนักลงทุนตระหนักว่าชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลเฉพาะทางของ Nvidia เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของ OpenAI จึงทำให้เกิดความต้องการหุ้นของบริษัทอย่างล้นหลาม
ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ถึงเมษายน 2567 หุ้น NVDA พุ่งสูงขึ้นถึง 258% ซึ่งไม่ได้รับแรงหนุนเพียงจากแค่ AI เท่านั้น แต่ยังมาจากความน่าเชื่อถือในฐานะผู้นำด้านศูนย์ข้อมูลอีกด้วย ระหว่างปี 2560 ถึง 2567 รายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลเติบโตจาก 12% เป็น 78% ของรายได้รวม
ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
ตามที่แสดงในกราฟด้านบน NVDA มีปีที่โดดเด่น โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 63.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 120.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก โดยมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนเมษายน สิงหาคม และกันยายน 2567
เหตุการณ์สำคัญล่าสุดคือ Flash Crash เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 หลังจากการประกาศเปิดตัว DeepSeek ซึ่งถือเป็นการร่วงลงอย่างรุนแรงของวอลล์สตรีทในวันเดียว โดยมูลค่าของผู้ผลิตชิปรายนี้หายไปถึง 593 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตำแหน่งที่โดดเด่นของ NVDA ในตลาดหุ้นนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อการร่วงลงของหุ้นช่วยฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ตกต่ำลง ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% ท่ามกลางการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ NVDA มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Nvidia Corp เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ปี 2536 แม้ว่าบริษัทจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แต่บริษัทก็เติบโตจนกลายเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมการ์ดจอสำหรับเกมคอมพิวเตอร์ ความเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลกราฟิกนี้นำไปสู่การค้นพบที่สำคัญในปี 2549 ว่าหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สามารถใช้สำหรับการประมวลผลที่ต้องใช้พลังงานสูงได้ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU แบบดั้งเดิม
สิ่งนี้ทำให้บริษัทต้องหันไปวิจัยและพัฒนาชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในอีก 20 ปีต่อมา ในปี 2566 การเปิดตัวของ OpenAI ได้สร้างความตะลึงให้กับโลกอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดเงินลงทุนจาก Microsoft ได้ถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อนักลงทุนตระหนักว่าชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลเฉพาะทางของ Nvidia เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของ OpenAI จึงทำให้เกิดความต้องการหุ้นของบริษัทอย่างล้นหลาม
ระหว่างเดือนเมษายน 2566 ถึงเมษายน 2567 หุ้น NVDA พุ่งสูงขึ้นถึง 258% ซึ่งไม่ได้รับแรงหนุนเพียงจากแค่ AI เท่านั้น แต่ยังมาจากความน่าเชื่อถือในฐานะผู้นำด้านศูนย์ข้อมูลอีกด้วย ระหว่างปี 2560 ถึง 2567 รายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลเติบโตจาก 12% เป็น 78% ของรายได้รวม
ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
ตามที่แสดงในกราฟด้านบน NVDA มีปีที่โดดเด่น โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 63.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 120.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก โดยมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนเมษายน สิงหาคม และกันยายน 2567
เหตุการณ์สำคัญล่าสุดคือ Flash Crash เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 หลังจากการประกาศเปิดตัว DeepSeek ซึ่งถือเป็นการร่วงลงอย่างรุนแรงของวอลล์สตรีทในวันเดียว โดยมูลค่าของผู้ผลิตชิปรายนี้หายไปถึง 593 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตำแหน่งที่โดดเด่นของ NVDA ในตลาดหุ้นนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อการร่วงลงของหุ้นช่วยฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ตกต่ำลง ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% ท่ามกลางการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) [8]
TSMC เป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตและจัดหาชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยผลิตชิปขั้นสูงอย่างน้อย 90% ที่ใช้ทั่วโลก และเป็นเพียงหนึ่งในสองบริษัทที่สามารถผลิตชิป 5 นาโนเมตรได้ ซึ่งถือเป็นชิปขั้นสูงที่สุดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการพัฒนาชิป 3 นาโนเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้มีความสามารถที่เหนือกว่าชิป 5 นาโนเมตรรุ่นปัจจุบัน ช่วยตอกย้ำสถานะที่โดดเด่นของบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้
ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
ในฐานะซัพพลายเออร์ชั้นนำของชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของโลก ไม่น่าแปลกใจที่ TSMC ได้รับประโยชน์จากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 85% ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยพุ่งขึ้นจาก 113.39 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 209.32 ดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากเริ่มต้นอย่างช้า ๆ หุ้นก็พุ่งขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2567 เนื่องจากภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์เข้าสู่ช่วงขาขึ้นแบบเป็นวัฏจักร โมเมนตัมดังกล่าวดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 จนกระทั่งทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 224.62 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น DeepSeek ร่วงลงมาเหลือ 192.31 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 27 มกราคม ท่ามกลางการเทขายหุ้นเทคโนโลยีของบริษัท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นดังกล่าวได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ TSMC มีมูลค่าหุ้นในตลาดรวมอยู่ที่ 907.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Broadcom Inc (AVGO) [9,10]
Broadcom Inc. ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน เป็นผู้พัฒนา ผู้ผลิต และซัพพลายเออร์ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐาน บริษัทมีการดำเนินกิจการอยู่ในตลาดหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงตลาดที่ต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ เช่น ศูนย์ข้อมูล ระบบเครือข่าย และการจัดเก็บข้อมูล
ณ ปี 2567 รายได้ 58% ของ Broadcom มาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่อีกส่วนมาจากธุรกิจซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐาน บริษัท Broadcom มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงที่ใช้ในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ชิป WiFi 6 สำหรับอุปกรณ์พกพาที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งผู้นำของบริษัท
ผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา [11]
กราฟราคาของ AVGO มีแนวโน้มที่ผันผวนมากกว่าหุ้นเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อย่าง NVDA และ TSMC มาก ซึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทมีธุรกิจซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานด้วย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่สามารถถือหุ้นผ่านช่วงความผันผวนมาได้ ก็ได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยหุ้นเพิ่มขึ้น 80% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ที่น่าสังเกตคือ หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 43% ในเดือนธันวาคม ปี2567 หลังจากรายงานผลประกบอการที่ดีกว่าความคาดหมายของวอลล์สตรีท สาเหตุหลักมาจากการเข้าซื้อกิจการ VMware เชิงกลยุทธ์ของบริษัท และโอกาสทางธุรกิจที่สดใสในยุค AI โดยเฉพาะการเป็นผู้นำด้านชิปที่ใช้ในโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล AI
ความเสี่ยงของการซื้อขายหุ้นเซมิคอนดักเตอร์
H3การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
ภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์มีความเปราะบางต่อการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงการปิดตัวทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลให้เกิดภาวะชิปขาดแคลนทั่วโลกสำหรับสินค้าต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ โทรศัพท์ ไปจนถึงคอมพิวเตอร์
ความอ่อนแอของห่วงโซ่อุปทานในภาคส่วนนี้เกิดจากการที่กำลังการผลิตชิปกระจุกตัวอยู่ในบริษัทเพียง 4 แห่งเท่านั้น ได้แก่ TSMC, Samsung, Globalfoundries Inc. และ United Microelectronics Corp เท่านั้น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในบรรดาบริษัทเหล่านี้ TSMC ครอบครองกำลังการผลิตส่วนใหญ่ และตามมาด้วย Samsung [11]
แม้ว่าการขาดแคลนชิปในช่วงการระบาดของ COVID-19 จะส่งผลให้ราคาหุ้นเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้นในช่วงแรก แต่เมื่อการขาดแคลนยังคงดำเนินต่อไปและความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ความผันผวนก็เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นพลิกกลับเมื่อบรรดานักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอของตน
สงครามการค้า
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในปี 2561 มุ่งเป้าไปที่วัตถุดิบเฉพาะที่จำเป็นในการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเวเฟอร์ขนาด 20 มม. ในปี 2562 สถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลงเมื่อสหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง SMIC ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักในการผลิตและการจัดหาอึปกรณ์ที่จำเป็นในการผลิตชิป [12]
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตชิปของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปที่ผลิตโดย TSMC สูงถึง 100% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของลูกค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้น ซึ่งคิดเป็น 70% ของรายได้ของบริษัทพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของ TSMC ได้อย่างมาก
ปัจจัยด้านสภาพอากาศ
ระหว่างกลางปี 2563 ถึง 2564 ไต้หวันประสบกับภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีพายุไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่ฝั่งเลย และมีปริมาณน้ำฝนลดลงต่ำสุดในรอบ 56 ปี [13]
เนื่องจากน้ำมีความสำคัญต่อการผลิตชิป เหตุการณ์นี้จึงเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ซึ่งเกิดจากการระบาดของ COVID-19 รุนแรงขึ้น เนื่องมาจากปัจจุบันมีโรงงานผลิตชิป 10 แห่งที่เปิดดำเนินการอยู่ โดย 4 แห่งตั้งอยู่ในไต้หวัน ซึ่งรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC เมื่อรวมกันแล้ว ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั้ง 4 รายนี้จัดหาสินค้าได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการทั่วโลก [14]
ความต้องการของผู้บริโภค [15]
ราคาหุ้นเซมิคอนดักเตอร์สามารถได้รับอิทธิพลจากระดับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งพบเห็นได้ชัดในช่วงการระบาดของ COVID-19
มาตรการล็อกดาวน์และคำสั่งให้อยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในบ้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงในบ้าน อุปการณ์สำหรับการทำงานทางไกล และอุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้คนยังเริ่มซื้อสินค้ามากขึ้นเพื่อทำให้บ้านของตนสะดวกสบายและใช้งานได้ดีขึ้น เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน บริการต่าง ๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ การจัดส่งอาหาร และการประชุมทางวิดีโอ ยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการศูนย์ข้อมูลและบริการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น
แนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกนี้เป็นปัจจัยหนุนต่ออุตสาหกรรมชิป ซึ่งทำให้ราคาหุ้นและกำไรพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ปี 2563 และ 2567 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเซมิคอนดักเตอร์มีการลดลงเล็กน้อยในปี 2565
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัว เช่น ความต้องการสินค้าและบริการภายในบ้านลดลงเนื่องจากการล็อกดาวน์ถูกยกเลิก ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง และข้อจำกัดในการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้กับจีน ซึ่งอาจทำให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่งที่กำลังประสบปัญหาสูญเสียรายได้มากถึงหลายพันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
วิธีการซื้อขายหุ้นเซมิคอนดักเตอร์
คุณสามารถซื้อขายหุ้นเซมิคอนดักเตอร์และ ETF ตามกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ผ่าน Vantage CFD โดยสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเริ่มซื้อขาย:
1. ลงทะเบียน บัญชีซื้อขายจริง กับ Vantage
2. เมื่อบัญชีของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว ให้ทำการฝากเงินเข้าบัญชีของคุณเพื่อเริ่มต้นการซื้อขาย คุณสามารถเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่ $50
3. เลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายที่คุณต้องการ รวมถึง MT 4 และ MT 5, แพลตฟอร์มบนเว็บ หรือแอปมือถือ Vantage
4. เลือกหุ้นเซมิคอนดักเตอร์หรือ ETF ที่คุณต้องการและทำการซื้อขายครั้งแรกโดยใช้ CFD
หากต้องการฝึกฝนโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง สามารถสมัคร บัญชีทดลองและทดสอบกลยุทธ์โดยใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้
บทสรุป
เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่ง และหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นตัวเต็งที่จะมอบโอกาสให้คุณได้อยู่แนวหน้าของเปลี่ยนแปลงนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI และเทคโนโลยีดิจิทัลจะยังคงขยายตัวต่อไป ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยมีศักยภาพในการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านี้
แม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากมาย แต่สิ่งสำคัญคือการประเมินความเสี่ยงและไม่ควรคิดว่าการลงทุนในช่วงแรกจะคุ้มค่าเสมอไป ควรพิจารณาความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นเหล่านี้ ลักษณะตามวัฏจักร และความเปราะบางในอุตสาหกรรมนั้น ๆ สิ่งสำคัญคือการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของผู้ผลิตชิปอย่างละเอียดถี่ถ้วนและใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
อ้างอิง
- “DeepSeek sparks AI stock selloff; Nvidia posts record market-cap loss – Reuters” https://www.reuters.com/technology/chinas-deepseek-sets-off-ai-market-rout-2025-01-27/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Semiconductors and Advancements Investors Should Watch Out For – Investopedia” https://www.investopedia.com/semiconductor-impact-on-the-stock-market-7367723 เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “How Many Calculations Can A CPU Do Per Second – MS.codes” https://ms.codes/blogs/computer-hardware/how-many-calculations-can-a-cpu-do-per-second เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “The Global Digital Economy Will Reach $16.5 Trillion And Capture 17% Of Global GDP By 2028 – Forrester” https://www.forrester.com/blogs/the-global-digital-economy-will-reach-16-5-trillion-and-capture-17-of-global-gdp-by-2028/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “The Truth Behind Trading Semiconductor (Chip) Stocks – Investopedia” https://www.investopedia.com/articles/active-trading/031815/truth-behind-trading-semiconductor-chip-stocks.asp เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “NVIDIA Is A Data Center Company Now – Forbes” https://www.forbes.com/sites/tiriasresearch/2019/03/29/nvidia-is-a-data-center-company-now/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Here’s the Big Reason Nvidia Stock Has Exploded 258% Higher in the Past Year – Nasdaq” https://www.nasdaq.com/articles/heres-the-big-reason-nvidia-stock-has-exploded-258-higher-in-the-past-year เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Taiwan Makes the Majority of the World’s Computer Chips. Now It’s Running Out of Electricity – Wired” https://www.wired.com/story/taiwan-makes-the-majority-of-the-worlds-computer-chips-now-its-running-out-of-electricity/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Broadcom Announces World’s First Wi-Fi 6E Chip for Mobile Devices – Broadcom” https://investors.broadcom.com/news-releases/news-release-details/broadcom-announces-worlds-first-wi-fi-6e-chip-mobile-devices เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Why Broadcom Stock Soared 44% in December – The Motley Fool” https://www.fool.com/investing/2025/01/06/why-broadcom-soared-44-in-december/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “How A Chip Shortage Snarled Everything From Phones To Cars – Bloomberg” https://www.bloomberg.com/graphics/2021-semiconductors-chips-shortage/ เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Global Chip Shortage: Timeline & Key Events | Fusion Worldwide – Fusion Worldwide” https://www.fusionww.com/insights/blog/the-global-chip-shortage-a-timeline-of-unfortunate-events เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2025
- “Taiwan’s Water Crisis – Commonwealth Magazine” https://www.cw.com.tw/graphics/drought-2023-en/ เข้าถึงเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2025
- “Looming Effects Of Continued Drought In Taiwan – Fusion Worldwide” https://www.fusionww.com/insights/blog/manufacturers-in-taiwan-deal-with-drought?hsLang=en เข้าถึงเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2025
- “Semiconductors and Advancements Investors Should Watch Out For – Investopedia” https://www.investopedia.com/semiconductor-impact-on-the-stock-market-7367723 เข้าถึงเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2025